งาหรือที่รู้จักกันในชื่อเบนเน่เป็นพืชอเนกประสงค์ที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายในการเกษตรและการผลิตอาหาร บทความนี้จะสำรวจประโยชน์ของการปลูกงา คุณค่าทางโภชนาการ และศักยภาพในการมีส่วนสนับสนุนการเกษตรกรรมที่ยั่งยืน
งาเป็นพืชทนแล้งที่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพแวดล้อมต่างๆ ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรในหลายภูมิภาค ตามที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่าการผลิตเมล็ดงาทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยแตะระดับ 6.9 ล้านตันในปี 2020 การผลิตงาส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเอเชีย โดยที่แอฟริกาและละตินอเมริกาก็มีส่วนช่วยในปริมาณที่มีนัยสำคัญเช่นกัน
คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของงาคือมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เมล็ดงาเป็นแหล่งโปรตีน ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก และสังกะสี นอกจากจะเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว งายังใช้ในการแพทย์แผนโบราณและเป็นพืชเชื้อเพลิงชีวภาพอีกด้วย
การปลูกงายังสามารถมีส่วนสนับสนุนแนวทางปฏิบัติทางการเกษตรที่ยั่งยืนอีกด้วย เนื่องจากทนแล้งได้ งาจึงต้องการน้ำน้อยกว่าพืชผลอื่นๆ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับพื้นที่ที่มีแหล่งน้ำจำกัด งายังสามารถปลูกหมุนเวียนร่วมกับพืชชนิดอื่นได้ เพื่อปรับปรุงสุขภาพดิน และลดศัตรูพืชและโรค
โดยสรุป งาเป็นพืชที่มีคุณค่าสำหรับเกษตรกรและผู้ผลิตอาหาร ประโยชน์ทางโภชนาการ ความคล่องตัว และศักยภาพสำหรับการเกษตรแบบยั่งยืนทำให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายพันธุ์พืชผลและมีส่วนร่วมในระบบอาหารที่ยั่งยืนมากขึ้น
#งา #เกษตรกรรมยั่งยืน #โภชนาการ #การกระจายพันธุ์พืช #เชื้อเพลิงชีวภาพ #สุขภาพดิน